สรุปวิจัย โทรทัศน์ครู และบทความ
สรุปวิจัย
วิจัย : เรื่อง ผลการพัฒนาทักษะพื้นฐานของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ตามแนวคิดพัฒนาการและการเรียนรู้ของสมอง
ผู้เขียนวิจัย : อ.สารภี ชมพูคำ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ตัวแปร
ตัวแปรต้น : พัฒนาการและการเรียนรู้ของสมอง แผนการจัดประสบการณ์
ตัวแปรตาม : การพัฒนาทักษะวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน
นิยาม
ทักษะพื้นฐาน
1. ทักษะการสังเกต คือ ความสามารถในการบอกความแตกต่าง หรือความสัมพันธ์อย่างใดอย่างหนึ่ง จากการใช้ หู ตา จมูก ลิ้น และผิวกาย เข้าไปสัมผัสโดยตรงกับวัตถุ หรือเหตุการณ์
2.ทักษะการวัด คือ การใช้เครื่องหมายอย่างใดอย่างหนึ่งวัดหาปริมาณของสิ่งต่างๆ เป็นหน่วยวัดที่มีหรือไม่มีมาตรฐาน ซึ่งอาจไม่มีหน่วยกำกับก็ได้ เช่น นิ้ว คืบ ศอก
3. ทักษะการจำแนก คือ ความสามารถในการจัดแบ่งหรือเรียงลำดับวัตถุ หรือสิ่งของที่อยู่โดยใช้เกณฑ์ในการจัดแบ่ง สี ขนาด รูปร่าง ลักษณะ ผิว ส่วนสิ่งมีชีวิตใช้เกณฑ์อาหาร ลักษณะที่อยู่อาศัย การสืบพันธุ์ ประโยชน์
วิธีดำเนินการวิจัย
แผนการจัดประสบการณ์ พัฒนาทักษะวิทยาศาสตร์พื้นฐานและสอดคล้องการทำงานของสมอง
หน่วย : เสียงรอบตัว
1.เรื่อง : เสียงอะไรเอ่ย
จุดประสงค์
1.เด็กบอกเสียงที่ได้ยินได้ถูกต้อง
2. บอกเสียงจากการกระทำของมนุษย์ได้ (ทักษะการสังเกต)
3.จำแนกเสียงที่เกิดจากวัตถุต่างกันได้ถูกต้อง (ทักษะการจำแนก)
2.เรื่อง : เสียงที่แตกต่าง
จุดประสงค์
1.เด็กบอกความแตกต่างของเสียงเมื่อผ่านตัวกลางได้
2.เด็กแสดงความคิดเห็นร่วมกับผู้อื่นได้
(ทักษะการสังเกต)
3.เรื่อง : เสียงจากธรรมชาติ
จุดประสงค์
1.เด็กจับคู่เสียงเขย่าขวดได้
2.เด็กสนทนาแสดงความคิดเห็นร่วมกับผู้อื่นได้
(ทักษะการจำแนก)
4.เรื่อง : เสียงไพเราะ
จุดประสงค์
1.เด็กบอกเสียงที่เกิดจากวัตถุต่างกันได้
2.เด็กสนทนาแสดงความคิดเห็นร่วมกับผู้อื่นได้
(ทักษะการจำแนก)
5.เรื่อง : ข้อควรระวังจากเสียง
จุดประสงค์
1.เด็กบอกความแตกต่างจากเสียงเครื่องดนตรีได้
2.เด็กแสดงความคิดเห็นร่วมกับผู้อื่นได้
(ทักษะการสังเกต)
การทำงานของสมอง
ข้อที่ 1 การมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม
ข้อที่ 2 การสร้างความสัมพันธ์ในแบบแผนการเรียนรู้
ข้อที่ 3 เรียนรู้พร้อมกัน ทุกระบบ แบบองค์รวม
สรุปผลการวิจัย
แผนการจัดประสบการณ์ทักษะวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 แนวคิดพัฒนาการและการเรียนรู้ของสมอง มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
สรุปโททัศน์ครู
โทรทัศน์ครู เรื่องไข่ดีมีประโยชน์
เรียนรู้ชนิดของไข่ ส่วนประกอบของไข่ และประโยชน์ของไข่
ขั้นนำ ครูให้นักเรียนเล่นเกมการส่งไข่ แล้วครูเล่านิทานเรื่อง "ไข่ของใคร" ครูเล่านิทานโดยให้เด็กทายว่าไข่ของใคร? ครูนำรูปภาพสัตว์ที่ออกลูกเป็นไข่ให้เด็กดู
ขั้นสอน ครูให้เด็กทายว่าไข่ที่ครูเตรียมมามีไข่อะไรบ้าง? แล้วให้เด็กบอกสีของไข่แต่ละชนิด ไข่ที่ครูเตรียมมามี ไข่ไก่ ไข่เป็ด ไข่นกกระทา ไข่เยี่ยวม้า และไข่เค็ม โดยครูใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทักษะการสังเกต ทักษะการจำแนก ทักษะการเปรียบเทียบ ให้เด็กดูว่าไข่แต่ละชนิดมีลักษณะอย่างไร? มีอะไรบ้างที่เหมือนและแตกต่างกัน ครูใช้คำถามกับเด็กดังนี้
-ไข่ในตระกร้าของคุณครูมีไข่หลายขนาด ไข่หลายสี ไข่หลายไซต์ ไข่หลายชนิด มาช่วยคุณครูแยกไข่ได้ไหม
ครูมีตระกร้า 5 ใบ สีไม่เหมือนกัน ไข่นกกระทาครูใส่ตระกร้าสีแดง ไข่เป็ดครูใส่ตระกร้าสีเขียว ไข่ไก่ครูใส่ตระกร้าสีน้ำเงิน ไข่เค็มครูใส่ตระกร้าสีชมพู ไข่เยี่ยวม้าครูใส่ตระกร้าสีฟ้า
ครูให้เด็กออกมาแยกไข่แต่ละชนิดใส่ตระกร้า นอกจากทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์แล้วยังสามารถบูรณาการเข้ากับทักษะทางคณิตศาสตร์ได้อีกด้วย โดยเด็กได้เรียนรูเกี่ยวกับจำนวน ตัวเลข โดยเด็กได้นับ เปรียบเทียบมาก-น้อย เท่ากันหรือไม่เท่ากัน
ครูให้เด็กนับจำนวนของไข่แต่ละชนิดในตระกร้า ว่ามีกี่ฟอง และไข่ชนิดไหนมีจำนวนเท่ากัน ไข่ที่มีจำนวนเท่ากันคือ ไข่เค็มและไข่เยี่ยวม้า มี 4 ฟองเท่ากัน
ต่อมาครูสอนเรื่องส่วนประกอบที่แตกต่างกันอย่างไร ว่าไข่แต่ละชนิดมีลักษณะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร เช่น ไข่ขาวของไข่เยี่ยวม้าจะมีสีน้ำตาลดำ ไข่เค็มเนื้อของไข่เค็มจะมีสีขาว เด็กจะได้ฝึกการสังเกตว่าไข่เค็มกับไข่เยี่ยวม้ามีความแตกต่างกันอย่างไร เป็นสีอะไร
-ครูถามเด็กว่า เด็กๆอยากเห็นไหมว่าข้างในของไข่เป็นยังไง ครูผ่าไข่ให้เด็กดู แล้วบอกว่าไข่มีส่วนประกอบอะไรบ้าง แล้วครูให้เด็กชิมไข่เค็ม แล้วถามเด็กว่า มีรสชาติอย่างไร?
ไข่เป็ดกับไข่ไก่มองผิวเผินจะมีลักษณะใกล้เคียงกัน ครูต้องพยายามชี้แนะให้เด็กเห็นถึงความแตกต่างรหว่างไข่เป็ดกับไข่ไก่ ครูควรมีคำถามถามเด็กว่า ไข่แดงของไข่เป็ดกับไข่ไก่ เป็นยังไง มีสีที่เหมือนกันไหมหรือแตกต่างกันอย่างไร
ครูกับเด็กร่วมกันทำ Cooking ไข่หวาน ครูควรสอดแทรกสิ่งที่ควรระวังในการประกอบอาหารให้แก่เด็ก
ขั้นสรุป ครูและเด็กร่วมกันบอกประโยชน์ในการรับประทานไข่แล้วร่างกายแข็งแรง